อุดรธานี – ประกันตัวกลับบ้านแล้วพี่เขยมือยิงน้องเมียคลั่งกราบพ่อตาขมาญาติทุกคนให้อภัยผูกแขนสู่ขวัญพร้อมสู้คดี

 

จากกรณีน้องเขยคุ้มคลั่งอาละวาดถือท่อนเหล็กแป๊บบุกพังบ้านพี่เขยและพี่สาว หวังเข้าไปทุบหัวพี่สาว พี่เขย และพ่อของตัวเอง อายุ 90 ปี ภายในบ้าน ขณะกำลังปีนหน้าต่างเข้ามาในบ้าน พี่เขยสุดทนคว้าปืนยิงใส่ 3 นัด จนน้องเขยบาดเจ็บสาหัส อาการเป็นตายเท่ากัน สาเหตุไม่พอใจที่ตัวเองมรดกน้อยกว่าพี่สาว และพี่ๆทุกคน เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีคลิปวงจรปิดบ้านใกล้เคียงได้ยินเสียงทุบกระจกก่อนและเสียงปืน จำนวน3นัด

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 23 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง ที่บ้านเลขที่ 126 ม.13 บ.ธาตุทรายมูล ต.หายโศก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พบนายจำนงค์ แข็งขัน หรือหัก อายุ 47 ปี ผู้ก่อเหตุยิงนายสะไกร มาลาศรี อายุ 43 ปี น้องเมีย ซึ่งได้ประกันตัวออกมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ได้กลับบ้านมา และได้เข้ากราบขมานายจำปี มาลาศรี อายุ 90 ปี พ่อตา ที่ตนยิงใส่ลูกชายคนเล็กของนายจำปีฯ หรือน้องภรรยาของตัวเอง หลังจากนั้น นางสมัย มาลาศรี อายุ 45 ปี ภรรยานายจำนงค์ฯ และญาติพี่น้องได้ทำพิธีสู่ขวัญ ผูกสายสิญจน์ ที่ข้อมือรับขวัญนายจำนงค์ฯ เนื่องจากญาติทุกคนเข้าใจและเห็นใจที่ต้องก่อเหตุรุนแรง เพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว ส่วนอาการของนายสะไกรฯ ยังไม่พ้นขีดอันตราย ยังอยู่ในห้องไอซียู รพ.อุดรธานี

หลังจากนั้นนายจำนงค์ฯ ได้นำตรวจสอบร่องรอยความเสียหายของบ้านทั้งภายในและภายนอก พบว่าประตัวรั้วพังเสียหาย ต่างห้องนอนกระจกแตก 5 บาน ม้านั่งไม้ที่นายสะไกรฯ ใช้ปีนขึ้นหน้าต่าง ยังวางอยู่ที่พื้นข้างบ้าน ส่วนบ้านของนายสะไกรฯผู้บาดเจ็บ ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร เป็นบ้านปูนชั้นเดียว และมีรถกระบะสีดำของนายสะไกรฯ จอดอยู่หน้าบ้าน และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อนบ้าน ระบุเวลา 19.08 น. วันที่ 22 ก.ค.ได้ยินเสียงนายสะไกรฯ ใช้ท่อนเหล็กทุบประตัวรั้ว แล้วมุดเข้าไปทุบหน้าต่างห้องนอนข้างบ้าน จากนั้นเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด ก่อนเสียงจะเงียบไป

นายจำนงค์ฯ เปิดเผยว่าเมื่อคืนน้องเขาจะบุกเข้ามาทำร้ายครอบครัว จึงติดสินใจปิดล็อคบ้านเอาไว้ แล้วเขาก็พังหน้าต่างเข้ามา ตนไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย แต่ถ้าไม่ยิงออกไปตนเองและครอบครัวก็ต้องถูกทำร้ายแน่นอน ซึ่งอาจจะถึงชีวิตก็ได้ นายสะไกรฯ วนมาก่อกวนที่บ้านหลายครั้ง ตั้งแต่วันที่ 21 ที่ผ่านมา เพราะมีข่าวหนาหูว่า เขาอาจจะใช้ความรุนแรง สาเหตุก็คงจะเป็นเรื่องของมรดกครอบครัวเขา ซึ่งเขาก็แบ่งให้กันไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องค่าเช่าที่ดินตนก็ไม่รู้จะว่ายังไง เพราะเป็นที่ดินทำกินของพ่อก็ต้องไปกันอีกครั้งในครอบครัว

นางสมัยฯ ภรรยานายจำนงค์ พี่สาวนายสะไกรฯ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุน้องวนมาที่บ้านก่อน 1 ครั้ง ตะโกนถามว่าผัวเมียอยู่ครบมั้ย จะได้จัดการทีเดียว แล้วน้องก็บุกมาก่อเหตุอีกครั้ง ที่ผ่านมาเขาเอาแต่ใจมาตลอด อยากได้อะไรก็ต้องได้ เพราะเขาเป็นน้องคนเล็ก พ่อแบ่งที่ดินให้ก็เอาไปขายกินหมด เหลือแต่ที่ดินที่ปลูกบ้านตอนนี้ น้องชายไปทำงาน กทม.ช่วงหนึ่ง เพิ่งกลับมาอยู่บ้านหลังสงกรานต์ มาอยู่ก็มาก่อกวนญาติพี่น้อง เขาอยากได้เงินฌาปนกิจศพแม่เพิ่ม อยากได้เงินส่วนแบ่งค่าเช่าที่ดินตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์จากที่ดินพ่อ ใครบอกใครห้ามก็ไม่ฟัง ส่วนครอบครัวตนถูกน้องชายอาละวาดตลอด เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน และพ่อก็มาอยู่ที่นี่ด้วย แต่ก็ไม่แจ้งความเอาเรื่อง จนมาเกิดเหตุรุนแรงครั้งนี้ขึ้น หากน้องหายออกมาก็อยากให้กลับตัวเป็นคนดี ญาติพี่น้องไม่มีใครอยากเอาความ

นายภิรมย์ มาลาศรี อายุ 59 ปี พี่ชายคนโต กล่าวว่า ตนแยกครอบครัวไปอยู่อีกหมู่บ้าน น้องชายนิสัยไม่ดี ชอบหาเรื่องทำร้ายร่างกายญาติพี่น้อง ใครห้ามก็ไม่ฟัง เป็นคนอารมณ์ร้อนมาก อาจจะเพราะว่าเขาถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก แม้แต่พ่อตัวเองที่แก่เฒ่าก็ยังจะมาทำร้าย ส่วนตนน้องชายไม่กล้าทำอะไร หากเขาไปหาที่บ้าน ก็จะไปแบบนอบน้อม เขาเกรงใจตน แต่พอกลับมาที่บ้านนี้ ก็จะมีนิสัยร้ายเหมือนเดิม

นายกฤษณะ ฤทธิ์อินทร์ อายุ53ปี ผญบ.บ้านธาตุทรายมูล กล่าวว่า เมื่อวานมือยิงโทรมาแจ้งด้วยตัวเอง เมื่อไปถึงตนก็ได้ยึดปืนเอาไว้ และดูแลพื้นที่ เพราะคนเจ็บเข้ามาหาเรื่องก่อน ส่วนคนเจ็บได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านที่ห่างไปประมาณ 50 ม. รถกู้ชีพก็มารับไปส่งรักษา คนยิงเป็นคนนิสัยดี ตนและผู้ใหญ่บ้านอื่นรวม 4 หมู่บ้าน จึงใช้ตำแหน่งร่วมกันยื่นประกันตัวออกมาตั้งแต่เมื่อคืน ส่วนคนเจ็บมีประวัติไม่ดีมาตลอด มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ได้รับแจ้งไประงับเหตุประจำ เป็นคนชอบใช้ความรุนแรง ก่อนหน้านี้ก็เคยขับรถกระบะสีดำของตัวเองไปไล่ชนคนในหมู่บ้านมาแล้ว แต่โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเข้มงวดเรื่องยาเสพติดมากกว่านี้ เพราะคือต้นเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้น

เบื้องต้นเรื่องคดีความ หากผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้นตำรวจจะไปทำการสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง และจะเชิญญาติพี่น้องที่เป็นพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ มาทำการสอบปากคำทั้งหมด เพื่อสรุปสำนวนคดีในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป